--

 

การทำ  Bullhorn ตัดยกริมฝีปากบน ได้รับความนิยมมากในต่างประเทศ โดยเฉพาะคนที่มีริมฝีปากบนบางเกินไป หลังทำแล้วริมฝีปากจะดูสวย อวบอิ่ม มีเสน่ห์ขึ้น การผ่าตัดยกริมฝีปากบน คือการปรับแต่งระยะห่างระหว่างฐานจมูกกับริมฝีปากบนให้มีสัดส่วนที่เหมาะสม เป็นการลดระยะระหว่างบริเวณฐานจมูกกับริมฝีปากบนให้แคบหรือสั้นลง อยู่ในระยะปกติ คือ ไม่เกิน 12-15 มิลลิเมตร หากยาวเกินนี้จะทำให้ริมฝีปากบนทับปิดฟันเวลายิ้ม ส่งผลต่อบุคลิกได้ในที่สุด ผู้ที่เหมาะกับการผ่าตัดยกริมฝีปากบน

ผู้ที่ระยะห่างระหว่างปลายจมูกและปากบนยาวเกินไป ไม่สมส่วน
ผู้ที่มีอายุมากขึ้น ผิวหนังหย่อนคล้อยเลยทำให้ผิวหนังริมฝีปากบนตกลงมา

ขั้นตอนการทำ BullHorn ตัดยกริมฝีปากบน
  1. ประเมิณสภาพร่างกายและจิตใจของคนไข้ ก่อนทำก่อนผ่าตัด
  2. แพทย์จะทำการประเมินรูปหน้าของคนไข้ โดยคำนึงถึง บุคลิกของคนไข้ ความปลอดภัยในระยะยาว และความพึงพอใจของคนไข้เป็นหลัก
  3. แพทย์จะทำการวัดผิวหนังส่วนที่จะตัดออก ด้วยอัตราส่วนทองคำ (Golden Ratio)
  4. ทำการตัดเนื้อเยื้อ โดยใช้ Micro Laser ในการตัด เพื่อลดระยะเวลาในการพักฟื้นและทำให้เลือดออกน้อย
  5. แพทย์จะทำการเย็บแผล โดยซ่อนแผลไว้เงาใต้จมูก

       แพทย์จะทำการออกแบบ วาดจุดตามตำแหน่งและความกว้างของผิวหนังที่จะตัดออก แพทย์ทำการผ่าตัดเอาหนังส่วนเกินออก โดยตัดโค้งไปตามรูปร่างของปีกจมูกข้างหนึ่งไปปีกจมูกอีกข้างหนึ่ง (ประมาณ 3-4 มิลลิเมตร)   แพทย์ทำการเย็บผิวหนังและกล้ามเนื้อเพื่อปิดแผล (ซึ่งต้องตัดไหมหลังผ่าตัด 7 วัน) โดยให้ริมฝีปากบนอยู่สูงกว่าขอบฟันบนประมาณ 3-4 มิลลิเมตร
         งดใส่เครื่องประดับทุกชนิด เช่น ต่างหู สร้อย แหวน จิลต่างๆ บนร่างกายในวันผ่าตัด  ให้สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวมและสบายในวันผ่าตัดซึ่งต้องไม่คับแน่นหรือรัดแน่นเกินไป แนะนำเป็นเสื้อที่มีซิปหรือกระดุมด้านหน้าเพื่อความสะดวกต่อการถอดออกและสวมใส่  ไม่ควรขับรถมาเองผู้เดียว ต้องมีผู้ติดตามหรือญาติมารับหลังผ่าตัดเสร็จและกลับไปนอนพักในสถานที่ที่มีผู้ดูแลใกล้ชิด
          กรณีที่คนไข้มีความเสี่ยงต่อระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีโรคประจาตัวที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด รวมถึงมีโรคประจำตัวที่ทาให้เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาเรื่องแผลหายยาก เสี่ยงต่อการติดเชื้อ จำเป็นต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้
เตรียมภาวะจิตใจให้พร้อม ไม่ควรตื่นเต้นมากเกินไป และควรทราบว่าหลังผ่าตัดย่อมเกิดการบวมช้าบริเวณแผล และการเปลี่ยนแปลงของใบหน้า หรือบริเวณร่างกายที่ทำการผ่าตัด ซึ่งต้องใช้เวลาในการหายของแผลหรือความเคยชินกับภาพลักษณ์ใหม่
การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดยกริมฝีปากบน

วันแรกควรนอนหมอนสูงหรือยกศีรษะสูง และควรประคบด้วยความเย็นบริเวณริมฝีปากในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด เพื่อลดอาการบวม โดยอาจมีอาการบวมช้ำหลังการผ่าตัด 3-5 วัน และจากนั้นจะค่อยๆยุบลงประมาณ 2-4 สัปดาห์ขึ้นไป  กรณีมีเลือดซึมที่แผลให้ใช้ผ้าก๊อซกดบริเวณแผล 5 -10 นาที
ในช่วงแรกพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณแผลผ่าตัดแรงๆ และยังไม่ควรอ้าปากกว้างๆ ในช่วง 2-3 สัปดาห์แรก   งดสบบุหรี่และแอลกอฮอล์ประมาณ 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด
แพทย์จะนัดเข้ามาเพื่อติดตามผล Follow up 7 วัน , Follow up 1 เดือน ตามลำดับ
ผลลัพธ์หลังผ่าตัดยกริมฝีปากบน

ระยะห่างระหว่างฐานจมูกกับริมฝีปากบนสั้นขึ้น สมส่วนขึ้น  แก้ปัญหาของคนที่มีริมฝีปากตก หรือปากคว่ำได้
ช่วยให้ดูเด็กลงได้ สดใสขึ้น (ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)

           รีวิวก่อนและหลังทำ bullhorn ผ่ายกริมฝีปากบน หลังครบ 7 วัน ก่อนตัดไหม

จะเห็นได้ว่าความห่างระหว่างริมฝีปากบนกับจมูกสั้นลง อีกทั้งริมฝีปากที่ดูบางก็ยกขึ้นไปด้วย ทำให้ดูหน้าเด็กลงอย่างชัดเจน  แผลที่เย็บจะซ่อนอยู่ใต้เงาจมูก หลังจากตัดไหมแล้วก็จะไม่เห็นแผล หมอเย็บละเอียดมาก เป๊ะทุกองศา

          การทำ Lip Lift ที่ดีไม่ใช่แค่การดึงเพื่อยกเฉพาะปากส่วนกลาง ในกรณีนี้จะทำให้เห็นฟันบนชัดกว่าเดิม และผิวหนังบริเวณมุมปากจะกองกัน ซึ่งไม่ใช่การแก้ปัญหาตรงจุด แต่ต้องสามารถดึงให้มุมปากยกขึ้นสโลปเป็นรูปปากที่สวยงาม
         อย่างไรก็ตามหัตถการนี้ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในไทยมากนัก แพทย์ที่สามารถทำหัตถการนี้ค่อนข้างมีน้อย ดังนั้นควรศึกษาหาข้อมูลให้ละเอียดอย่างถี่ถ้วนและควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง
ใครที่มีปัญหาเรื่องสัดส่วนหน้า รู้สึกว่าหน้าตัวเองยาวเกินไป การทำ bullhorn สามารถช่วยได้ หลังทำ สัดส่วนของหน้าจะดีขึ้น สวย เข้ารูปกว่าเดิมอย่างแน่นอน

 

      รอยแผลผ่าตัด หลังตัดไหมไปแล้วแทบจะไม่เห็นเลย เพราะเทคนิคที่เชี่ยวชาญของคุณหมอในการซ่อนแผลใต้เงา องศาของหน้าก็เป๊ะขึ้นอีกด้วย หลังตัดไหม คนไข้สามารถเข้ามาทำเลเซอร์แผล เพื่อรักษารอยแผลให้หายไวยิ่งขึ้น โดยทางคลินิกจะดูแลหลังการผ่าตัดให้ทุกอย่างฟรี ตั้งแต่ล้างแผล และเลเซอร์แผล

 

การเลือกคลินิคศัลยกรรม

มาตรฐานของคลินิก

คลินิกที่เลือกควรเป็นคลินิกที่มีมาตรฐาน มีใบอนุญาตในการดำเนินสถานพยาบาลและประกอบกิจการสถานพยาบาล แพทย์ในคลินิกก็ควรมีใบประกอบโรคศิลป์ และได้รับวุฒิบัตรเฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า เพื่อให้มั่นใจได้ว่า คลินิกที่ไปทำศัลยกรรมจะปลอดภัยจริงๆ ใบประกอบต่างๆ มักแขวนอยู่บนผนังให้มองเห็นได้ชัดเจน หากพบว่าคลินิกไม่มีใบรับรอง ควรจะเลือกคลินิกอื่นที่มีใบรับรองมาตรฐานดีกว่า เพื่อความปลอดภัย มั่นใจในผลลัพธ์ และความสบายใจขณะทำศัลยกรรม

ทักษะของแพทย์ผู้มีประสบการณ์

การทำศัลกรรมความงาม ผู้เข้ารับการศัลยกรรมย่อมต้องคำนึงถึงความสามารถของแพทย์ที่ดูแลอยู่บ้าง เพราะเป็นผู้ที่จะทำให้ใบหน้าของเราออกมาดูดีและปลอดภัย จึงควรศึกษาและตัดสินใจให้ดีว่า แพทย์ของแต่ละสถาบันนั้น ผ่านการรับรองแล้วหรือไม่ มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมหรือยัง และอาจจะอุ่นใจขึ้นไปอีก หากทราบว่าแพทย์มีดีกรีอื่นๆ รับรองเพิ่มเติม มีประสบการณ์ยาวนาน หรือมีความสามารถจนเป็นที่ประจักษ์ เพื่อให้วางใจได้ว่าการทำศัลยกรรมจะปลอดภัย ถูกใจ ไร้กังวล

เครื่องมือที่ทันสมัย

วิทยาการทางการแพทย์ก้าวหน้าอยู่เสมอ เพื่อให้แพทย์สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และปลอดภัยมากขึ้น เครื่องมือที่มีคุณภาพและทันสมัยย่อมส่งผลดีต่อผู้เข้ารับการศัลยกรรมมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคลินิกที่มีห้องผ่าตัดมาตรฐานเทียบเท่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่

ราคาและบริการ

คลินิกแต่ละแห่งเสนอราคาค่าบริการเสริมความงามแตกต่างกันไป ผู้เข้ารับศัลกรรมแต่ละคนก็มีงบประมาณในใจไม่เท่ากัน การวางแผนทางการเงินให้เหมาะสมระหว่างคุณภาพและราคาที่จ่ายได้ จึงเป็นสิ่งที่ควรวางแผนเป็นอย่างมาก เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับความงามที่ต้องการ หรือเป็นภาระทางการเงินของตัวเองอย่างใดอย่างหนึ่ง

บริการหลังการศัลยกรรม

การบริการหลังการศัลยกรรมจะช่วยให้เรารู้สึกปลอดภัยและสบายใจหลังผ่าตัดเสร็จแล้ว คลินิกเสริมความงามที่ดีควรจะมีบริการหลังศัลยกรรมที่จะทำให้ผู้ใช้บริการด้านความงามมั่นใจในความปลอดภัยมากขึ้น

Leave a reply