--

Breast Augmentation

เสริมหน้าอก (Breast Augmentation)

การเสริมหน้าอก เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับสาวๆ ทั้งสาวแท้และสาวข้ามเพศ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องใส่เสื้อผ้าแบบไหนก็ไม่สวย แต่การจะตัดสินใจทำหน้าอกควรศึกษาข้อมูลกันให้ดีว่าเสริมแบบไหนหรือซิลิโคนอย่างไรดี จึงจะปลอดภัย

โดยการเสริมหน้าอกต้องเข้าใจสารีระและรูปทรงหน้าอกของตนเองก่อน ส่วนใหญ่แล้วหน้าอกจะมีทั้งหมดประมาณ 6 รูปทรง ซึ่งการเสริมหน้าอก ต้องเลือกรูปทรงและชนิดของซิลิโคนให้เหมาะกับทรวงอกในแต่ละแบบ ดังนี้

 

  1. ทรง Cherry: ลักษณะทรวงอกค่อนข้างแบน ฐานเต้าไม่ชัด ความพุ่งของกล้ามเนื้อทรวงอกน้อย
  2. ทรง Lemon: ลักษณะทรวงอกฐานกว้าง ความพุ่งของทรวงอกน้อย
  3. ทรง Green Apple: ลักษณะทรวงอกเป็นรูปครึ่งวงกลม ความพุ่งของกล้ามเนื้อทรวงอกมาก
  4. ทรง Apple: ลักษณะทรวงอกฐานเล็ก ความพุ่งชันของกล้ามเนื้อทรวงอกมาก เนื้อเต้าออกด้านข้างเลยดูใหญ่
  5. ทรง Strawberry: ลักษณะทรวงอกเริ่มหย่อนคล้อย เป็นอกมีกล้ามเนื้อ ทรวงอกน้อย
  6. ทรง Pear: ลักษณะทรวงอกหย่อนคล้อย เนินอกไม่มีกล้ามเนื้อ เนื้ออกจะอยู่ฐานเต้า เกิดจากการขาดการดูแลหรือกรรมพันธุ์

ดังนั้นคนไข้ต้องทราบและศึกษารูปทรงหน้าอกของตนเอง เพื่อเลือกประเภทซิลิโคน ผิว และรูปแบบซิลิโคนที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คนไข้ต้องการ

ผิวซิลิโคนหน้าอก

ผิวของซิลิโคนเสริมหน้าอกมีอยู่ 2 แบบคือ แบบผิวเรียบ และ ผิวทราย โดยข้อแตกต่างระหว่างผิวทั้ง 2 แบบมีดังนี้

  1. ซิลิโคนเหน้าอกผิวเรียบ (Smooth Implant): ลักษณะผิวของซิลิโคนจะเรียบ ส่วนใหญ่จะมีผิวใส สามารถมองเห็น Cohesive Gel ด้านในได้อย่างชัดเจน ข้อดีของซิลิโคนผิวเรียบคือ หากคนไข้เสริมในขนาดใหญ่ ผิวเรียบทำให้ง่ายต่อการใส่ ทำให้ระยะเวลาการผ่าตัดสั้นและบวมน้อยกว่า แต่ข้อเสียคือผิวของซิลิโคนที่เรียบเกินไปทำให้พังผืดหรือเนื้อเยื่อที่เกิดขึ้นหลังจากมีสิ่งแปลกปลอมในร่างกายจะปกคลุมรอบซิลิโคนได้ง่ายกว่า โดยพังผืดหรือเนื้อเยื่อที่เกิดขึ้นรอบซิลิโคนจะทำให้ผิวสัมผัสของทรวงอกดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือมีโอกาสหน้าอกแข็ง ลอยได้หากนวดหน้าอกไม่สม่ำเสมอหรือนวดไม่ถูกวิธี
  2. ซิลิโคนหน้าอกผิวทราย (Texture Implant): ลักษณะผิวของซิลิโคนแบบนี้ จะมีความหยาบเหมือนเม็ดทรายเล็กๆ ผิวมีสีขุ่น ไม่สามารถมองเห็น Cohesive Gel ด้านในได้อย่างชัดเจน ข้อเสียของซิลิโคนผิวทราย คือเนื้อความหยาบจะทำให้มีความหนืดและฝืดต่อการใส่ซิลิโคนเข้าไปในร่างกาย ทำให้ระยะเวลาการผ่าตัดนานกว่าการเสริมแบบเรียบและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการเสริมซิลิโคนผิวเรียบ แต่ข้อดีคือ ผิวทรายที่หยาบเหมือนเม็ดทรายจะช่วยลดและชะลอโอกาสการเกิดพังผืดรัดรอบซิลิโคนได้มากกว่า ยิ่งความละเอียดของผิวทรายมาก พังผืดจะขึ้นช้าและน้อยกว่า ทำให้คนไข้ไม่ต้องหมั่นนวดสลายพังผืดหรือหน้าอกจะนิ่มและเข้าที่เร็วกว่า เพราะถ้าหากพังผืดขึ้นแล้วนอกจากจะทำให้หน้าอกแข็งแล้ว ยังทำให้หน้าอกเข้าที่ช้าหรือเคลื่อนลงมาในตำแหน่งของทรวงอกช้าเนื่องจากพังผืดรัดเกาะไม่ให้ซิลิโคนเคลื่อนที่นั่นเอง

ทรงซิลิโคน

ทรงซิลิโคนมี 2 แบบ คือ ทรงกลม (Round Breast Implant) และทรงหยดน้ำ (Teardrop Breast Implant) ทรงกลมเหมาะกับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกอยู่บ้าง ซึ่งเวลาใส่ไป หน้าอกจะดูไม่เป็นบล็อกหรือคล้อย ทรงกลมจะช่วยดันทรงและชันอกสวยเป็นธรรมชาติ ลูกค้าที่มีหน้าอกหย่อนคล้อยและมีเนื้อหน้าอกบ้างอยู่แล้วไม่เหมาะกับทรงหยดน้ำ เพราะทรงหยดน้ำจะทำให้ทรงหน้าอกที่ทำมาใหม่นั้นดูคล้อยมากเกินไป ทรงหยดน้ำจึงเหมาะกับผู้ที่ไม่มีเนื้อหน้าอกเลยและเหมาะสำหรับคนตัวเล็ก ร่างผอมมากกว่า

ทรงกลม : จะเป็นธรรมชาติมากกว่าทรงหยดน้ำ และมีความยืดหยุ่น เนื่องจาก Cohesive Gel ด้านในจะเหลวกว่าทรงหยดน้ำ เหมาะสำหรับคนไข้ที่ต้องการมีเต้านมรูปร่างกลม และเติมเต็มส่วนบนของเต้านม

ทรงหยดน้ำ : เหมาะกับผู้ที่มีต้นทุนเดิมค่อนข้างน้อย คนไข้กลุ่มนี้ถ้าใส่ทรงกลมจะดูไม่สวย เพราะจะเห็นซิลิโคนเป็นบล็อก การใส่ทรงหยดน้ำจะดูเป็นธรรมชาติมากกว่า โดยส่วนมากมักจะใช้ได้กับเต้านมบางแบบที่ต้องการจะเสริมเน้นเป็นส่วนๆ ไป เช่น ส่วนด้านล่างของเต้านม

ประเภทซิลิโคน

ทรงพุ่งคล้ายปีระมิด (High Profile) เหมาะสำหรับคนไข้ที่ไม่มีเนื้อหน้าอก หรือมีเนื้อหน้าอกอยู่บ้าง เสริมด้วยหน้าอกทรงนี้จะช่วยให้ได้หน้าอกทรงสาว ไม่เป็นบล็อก

แบนคล้ายจาน (Low Profile/Moderate) ไม่เหมาะสำหรับคนไข้ที่มีความกว้างของฐานเต้านมเล็ก หรือความกว้างของลำตัวเล็ก เหมาะสำหรับคนไข้ที่ต้องการหน้าอกไม่พุ่ง แต่ต้องการเพิ่มขนาด

ทรงพุ่งแหงน (Ultra High Profile) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับหน้าอกหย่อนคล้อย จากขนาดหรือจากการให้นมบุตร เพื่อต้องการยกกระชับทรวงอกให้ดูเป็นหน้าอกสาวและอิ่มเต็มมากขึ้น

ควรเลือกซิลิโคนอย่างไร?

  1. สำหรับคนไข้ที่ไม่มีหน้าอกเลย สามารถเลือกเสริมด้วยซิลิโคนแบบหยดน้ำหรือทรงกลมได้ แต่ส่วนใหญ่จะแนะนำทรงกลมค่ะ เพราะทรงหยดน้ำมีโอกาสที่หน้าอกจะหย่อนคล้อยได้ สามารถใช้ผิวเรียบหรือผิวทรายได้ แต่คนไข้ที่เนื้อน้อยและเสริมใต้กล้ามเนื้อ แพทย์จะแนะนำให้เสริมแบบใช้ผิวทราย เพราะการเสริมใต้กล้ามเนื้อช่วงแรกซิลิโคนอาจจะลอยสูงกว่าปกติและถ้าหากเสริมด้วยผิวเรียบแล้ว จะทำให้พังผืดขึ้นเร็วและยากต่อการเคลื่อนไหลของซิลิโคนให้เข้าที่ และนมจะนิ่มช้า สามารถเลือกเป็นทรง High Profile หรือ Modurate แต่จะแนะนำให้เสริมแบบ High Profile เพื่อให้หน้าอกที่เสริมใหม่ดึงเนื้อหน้าอกเดิมให้พุ่งไปด้านหน้า ป้องกันซิลิโคนจตกขอบลำตัว
  2. สำหรับคนไข้ที่มีเนื้อหน้าอกอยู่บ้าง และต้องการเพิ่มขนาดหน้าอก หรือกระชับทรง ทรงที่แนะนำจะเป็นทรงกลม ไม่แนะนำให้ใช้ทรงหยดน้ำเพื่อป้งกันโอกาสการหย่อนคล้อย สามารถใช้ผิวเรียบหรือผิวทราย ทรง High Profile/Modurate/Ultra High Profile ได้ ซึ่งไม่มีผลแตกต่างกันมากมายเท่าไหร่ แต่การเลือกแนะนำให้แพทย์เป็นผู้ช่วยพิจารณา
  3. สำหรับคนไข้ที่มีหน้าอกหย่อนคล้อย ต้องการเสริมเพื่อยกกระชับให้ดูอวบอิ่ม ทรงซิลิโคนที่แนะนำจะเป็นทรงกลม High Profile จะใช้ผิวเรียบหรือผิวทรายก็ได้ เพราะเนื้อหน้าอกเยอะไม่ค่อยมีผลต่อการเกิดของพังผืดที่ขึ้นช้าหรือเร็ว การเสริมหน้าอกเพื่อยกกระชับข้อสำคัญอยู่ตรงที่การเลือกขนาด ในกรณีที่หย่อนคล้อยไม่มาก แพทย์สามารถใช้ซิลิโคนยกกระชับเนื้อหน้าอกได้ แต่ต้องใส่ขนาดที่เหมาะพอดี ไม่เล็กและใหญ่จนเกินไป แต่ถ้าหากหน้าอกหย่อนคล้อยมากกว่าปกติ หรืออยู่ในระดับหย่อนยาน การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนอาจจะยกกระชับไม่เพียงพอ ในกรณีนี้อาจจะต้องมีการผ่าตัดเอาเนื้อหน้าอกออกและตัดหนังเพื่อยกกระชับด้วย แต่การผ่าตัดยกกระชับหน้าอกลักษณะนี้มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงและใช้เวลาพักฟื้นค่อนข้างนาน และเห็นแผลชัดเจน

สรุปปัจจัยการเลือกซิลิโคนมีดังนี้

  1. เลือกขนาดซิลิโคนให้พอเหมาะกับความสูง ความหนา และความกว้างของลำตัวและไหล่ ซึ่งข้อนี้คุณหมอจะเป็นผู้ช่วยแนะนำให้ตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งที่คลินิกจะมีอุปกรณ์การวัดเฉพาะสำหรับวัดขนาดซิลิโคนเพื่อเสริมหน้าอก คนไข้สามารถแจ้งคุณหมอได้ว่าต้องการเล็ก พอดี หรือใหญ่กว่าลำตัว ซึ่งขึ้นอยู่กับอาชีพและจุดประสงค์ในการเสริมหน้าอกของแต่ละท่าน
  2. เลือกทรงซิลิโคน ระหว่างทรงกลมหรือทรงหยดน้ำ
  3. เลือกผิวซิลิโคน ระหว่างผิวเรียบหรือผิวทราย โดยส่วนใหญ่จะเลือกเป็นผิวทรายเพราะลดโอกาสการเกิดพังผืดได้มากกว่า (พังผืดสามารถทำให้นมไม่นิ่มเป็นธรรมชาติ)

บริเวณที่ใช้ในการผ่าตัดเปิดแผล

บริเวณการผ่าตัด มี 3 แบบ คือใต้ราวนม ใต้รักแร้และบริเวณรอบปานนม โดยบริเวณที่เป็นที่นิยมคือ บริเวณใต้รักแร้ ข้อดีคือจะสามารถจัดทรงซิลิโคนให้คล้อยสวยมากกว่าบริเวณอื่น แต่แผลจะถูกซ่อนไว้ใต้รอยพับของรักแร้ ซึ่งทำให้เห็นรอยแผลน้อยเมื่อเทียบกับบริเวณอื่น

ตำแหน่งที่ใช้ผ่าตัดเสริมหน้าอก

ตำแหน่งที่ใช้ในการเสริมหน้าอกมีสองแบบคือการวางไว้ใต้กล้ามเนื้อและเหนือกล้ามเนื้อ ซึ่งโดยส่วนใหญ่การวางไว้ใต้กล้ามเนื้อจะไม่เป็นที่นิยมของแพทย์ เพราะต้องใช้ความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ในการผ่าตัดค่อนข้างสูง เนื่องจากการวางซิลิโคนไว้ใต้กล้ามเนื้อเป็นจุดที่จะผ่านเส้นเลือด เส้นประสาทและอวัยวะส่วนอื่นในร่างกายได้มากกว่าการผ่าตัดด้วยเทคนิคอื่นๆ และการเสริมหน้าอกไว้ใต้กล้ามเนื้อมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะทำให้เลือดออกมากได้กว่าปกติ ดังนั้นหากแพทย์ไม่มีความชำนาญ อาจจะทำให้มีเลือดออกมาก นั่นคือสาเหตุที่หลังผ่าตัดต้องมีสายเดรนเพื่อใช้ระบายเลือด ที่คลินิกใช้เทคนิค “ผ่าตัดแบบส่องกล้อง ไม่มีสายเดรน” (ดูรายละเอียดเพิ่มเติม) (Hyperlink to Article ผ่าตัดส่องกล้องไม่มีสายเดรน)

โดย Dr. Alex Clinic แพทย์เลือกผ่าตัดโดยการวางซิลิโคนไว้ใต้กล้ามเนื้อ นอกจากให้ทรงที่ดูเป็นธรรมชาติและป้องกันโอกาสการหย่อนคล้อยแล้ว เนื้อสัมผัสจะไม่รู้สึกเหมือนโดนเนื้อผิวซิลิโคนโดยตรงเนื่องจากมีชั้นกล้ามเนื้อคลุมอยู่ การเสริมใต้กล้ามเนื้อช่วยชะลอโอกาสการเกิดพังผืดรัดได้น้อยกว่าแบบเหนือกล้ามเนื้ออีกด้วย โดยข้อดีและข้อเสียของการวางซิลิโคนทั้ง 2 แบบมีดังนี้

การเสริมหน้าอกสไตล์ Dr.Alex Clinic มีขั้นตอนดังนี้

  1. เช็คประวัติลูกค้าให้ละเอียด
  2. เลือกขนาดซิลิโคนให้เหมาะสมกับรูปร่างของลูกค้า โดยคำนึงจากน้ำหนักและส่วนสูง
  3. เลือกทรงซิลิโคน ทรงกลมหรือทรงหยดน้ำ
  4. เลือกผิวซิลิโคนว่า จะใช้ผิวเรียบหรือผิวทราย โดยจะแนะนำเป็นผิวทรายเพราะลดโอกาสการเกิดผังผืดลงได้มากกว่าแบบเรียบ

ในตลาดมีเกรดซิลิโคนให้เลือกมากมาย ที่ Dr. Alex Clinic เราคัดสรรค์เกรดซิลิโคนที่ผ่านการรับรองและมีใบรับประกัน ซึ่งซิลิโคนเกรดที่มีใบรับประกันมีความปลอดภัยมากกว่าในระยะยาว ซึ่งการรับประกันนี้จะครอบคลุมไปถึงการ แตก รั่ว และซึมของตัวซิลิโคนเองตลอดอายุการใช้งาน

โดยทางคลินิกมีซิลิโคนหน้าอกให้เลือกทั้งหมด 4 เกรด ซึ่งก็คือ Euro, Allergan, Silimed และ Mentor ทุกเกรดแตกต่างกันที่ใบรับประกันการแตกหรือรั่วซึมตลอดอายุการใช้งาน ซึ่งจะมีเฉพาะใน Allergan และ Mentor เท่านั้น หลังการเสริมหน้าอกที่ Dr. Alex Clinic ลูกค้าจะได้รับหมายเลข Serial Number ประจำซิลิโคนคู่นั้นเพื่อรับรองว่าคุณได้ใส่ซิลิโคนของแท้

การดูแลตัวเองก่อนเสริมหน้าอก >>

การดูแลตัวเองหลังเสริมหน้าอก >>

รีวิวเสริมหน้าอก ทำนมที่ไหนดี >> https://www.facebook.com/pg/dr.alexclinic/photos/?tab=album&album_id=458231374522064

เสริมหน้าอก, ทำนม, เสริมนม, ทำนมที่ไหนดี, เสริมหน้าอกที่ไหนดี, ศัลยกรรมหน้าอก, ทำหน้าอก, ศัลยกรรมเกาหลี, ราคาเสริมหน้าอก, ศัลยกรรมหน้าอกที่ไหนดี, ทำหน้าอกที่ไหนดี, การเสริมหน้าอก, เสริมหน้าอกราคา, เสริมหน้าอกด้วยไขมัน, คลินิกศัลยกรรม, เสริมนมที่ไหนดี, เสริมหน้าอกราคาถูก, ผ่าตัดเสริมหน้าอก, คลินิคเสริมหน้าอก, ราคาเสริมนม, ศัลยกรรมทรวงอก, วิธีเสริมหน้าอก, เสริมหน้าอกทรงหนดน้ำ, ผ่าตัดเสริมนม, เสริมหน้าอกด้วยไขมัน, ดูดไขมันหน้าอก, ยกกระชับหน้าอก, เสริมหน้าอกที่ไหนดี, เสริมหน้าอกนันฮี, ศัลยกรรมเต้านม, อยากทำหน้าอก, กานผ่าตัดเสริมหน้าอก, เสริมหน้าอกสวย, เสริมหน้าอกหมอ, เสริมหน้าอกเกาหลี, หมอเสริมหน้าอก, เสริมหน้าอกที่ไหนสวย, รีวิวเสริมหน้าอก